ปัจจุบันมีนวัตกรรมในการยกกระชับผิวหลายชนิด เช่น การใช้พลังงานอัลตราซาวด์ พลังงานคลื่นวิทยุ หรือการฉีดสารยกกระชับ หนึ่งในหัตถการยกกระชับผิวที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือโปรแกรม “Ultherapy” นั่นเอง หลายคนคงสงสัยว่า “Ultherapy” คืออะไร วันนี้ ศรินยาคลินิก มีคำตอบให้ค่ะ
Ultherapy คืออะไร ?
Ultherapy คือ เทคโนโลยียกกระชับผิว โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวเกิดการยกกระชับขึ้น
ปัจจุบันเราใช้ Program Ulthera SPT ( See Plan Treat )เพื่อประสิทธิภาพที่ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ออกแบบให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
เนื่องจากผิวแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน ความหนาของชั้นผิวที่ไม่เท่ากัน จากปัจจัยด้าน กรรมพันธุ์ อายุ เพศ สภาพแวดล้อม และการดูแลผิว
- S – See มองเห็นปัญหาผิวของแต่ละคนด้วยเทคโนโลยี MFU-V โดยแพทย์จะเห็นแต่ละชั้นผิวอย่างละเอียดแบบ Real Time
- P – Plan เนื่องจากผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน แพทย์จะต้องวางแผนการยกกระชับเฉพาะแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์จากภาพชั้นผิวที่แสดงบนหน้าจอ ออกแบบการยิ่งพลังงานให้เหมาะสม เพื่อยิงพลังงานแต่ละไลน์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- T – Treat เมื่อแพทย์สามารถเห็นถึงปัญหาและออกแบบการยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด สามารถหลีกเลี่ยงจุดที่ทำให้เจ็บ คนไข้จะรู้สึกสบายระหว่างทำ และทำให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่มีประสิทธิภาพทุกไลน์ที่ยิง
ซึ่งโปรแกรม Ulthera SPT ออกแบบการรักษาเฉพาะตัวบุคคลด้วยเทคโนโลยี MFU-V รวมถึงช่วยให้แพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้นผ่านนวัตกรรม SPT เพราะมีส่วนช่วยในการคำนวณค่าพลังงานที่ต้องใช้ได้ร่วมด้วยนั่นเอง แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคลในการทำหัตถการนะคะ
Ultherapy มีหัวยิงพลังงานกี่ชนิด? แตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักและเข้าใจการยิงพลังงานของแต่ละชนิด ซึ่ง Ultherapy มีหัวในการยิงพลังงานอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
- หัวยิง 1.5 mm สามารถยิงพลังงานลงลึกใต้ชั้นผิว 1.5 mm ซึ่งเป็นระดับของผิวชั้นบน (Upper Dermis) ช่วยในการลดริ้วรอยที่ไม่ลึกมากและกระชับรูขุมขน
- หัวยิง 3 mm สามารถยิงพลังงานลงลึกใต้ชั้นผิว 3 mm ซึ่งเป็นระดับของผิวชั้นกลาง (Mid Dermis) ช่วยกระชับผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดไขมัน และ เซลลูไลท์
- หัวยิง 4.5 mm สามารถยิงพลังงานลงลึกใต้ชั้นผิว 4.5 mm ซึ่งเป็นระดับของผิวชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้ออย่างล้ำลึก
ทั้งสามพลังงานนี้ แพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการพิจารณาเลือกให้เหมาะกับผิวและปัญหา และ ความต้องการของแต่ละบุคคล
Ultherapy สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ?
ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าปัญหาผิวแบบไหนที่เหมาะกับการทำหัตถการยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ulthera ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวดังนี้
- ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ระดับปานกลาง บริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม หรือลำคอ เป็นต้น
- ปัญหาไขมันส่วนเกินใต้คาง
- ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน
- ปัญหาริ้วรอยรอยดวงตา
- ปัญหาหนังตาตก หรือ คิ้วตก
- ปัญหารูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปซึ่งกังวลเกี่ยวกับความหย่อนคล้อยของผิว
ซึ่งเครื่อง Ulthera สามารถทำหัตถการยกกระชับผิวได้ที่หลายบริเวณกว่าที่หลายๆคนคิด บางคนอาจจะคิดว่า Ulthera สามารถทำได้แค่บนใบหน้า แต่ที่จริงแล้ว Ulthera สามารถทำบนตัวได้ด้วย ตามบริเวณดังต่อไปนี้
- บริเวณใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าเต่งตึง ยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย ช่วยกระชับรูขุมขน
- บริเวณใต้คาง เหนียง ช่วยลดเหนียงและกระชับผิว ปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
- บริเวณลำคอ กระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณคอลดริ้วรอย
- บริเวณลำตัว ช่วยกระชับท้องแขนหรือหน้าท้องให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น ช่วยยกกระชับผิวบริเวณเนินอกให้แลดูกระชับเต่งตึงขึ้น
- บริเวณลำคอบริเวณรอบดวงตา ลดริ้วรอยและตีนกา ช่วยยกคิ้วและหนังตาที่ตก
Ulthera อันตรายไหม ? มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
Ulthera เป็นหัตถการกระชับผิว ที่มียืนยันเรื่องประสิทธิภาพยกกระชับที่มีความปลอดภัยทั้ง FDA จากอเมริกา ยุโรป และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศไทย (อย.) มีการใช้ และได้รับการยอมรับในหลายประเทศ
จึงมั่นใจได้ว่า Ulthera มีความปลอดภัยและแม่นยำสูง เนื่องจากเครื่อง Ulthera เป็นการใช้คลื่นพลังงานความร้อนส่งตรงไปยังเนื้อเยื่อบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เนื่องจากมีหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์เห็นชั้นผิวทุกครั้งก่อนยิง จึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ไม่ทำร้ายผิวให้เกิดบาดแผล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญการของแพทย์ด้วย
สรุป
Ulthera คือเครื่องที่แพทย์ใช้ในการทำหัตถการยกกระชับผิว ด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความพร้อมถี่สูงพร้อมมีเทคโนโลยี MFU-V (Microfocus Ultherasound with Visualization) ซึ่งทำให้แพทย์สามารถเห็นสภาพชั้นผิวภายในได้จากจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ และ มีจุดเด่นคือการที่แพทย์ สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุดเฉพาะปัญหาผิวและตัวบุคคลนั่นเอง