ชัวร์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครั้งแรก ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน มีผลข้างเคียงไหม?
อายุกับริ้วรอยใต้ตานับว่าเป็นของคู่กัน ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นผิวบริเวณใต้ตาจะค่อย ๆ หย่อนคล้อย ลึก คล้ำ และเกิดริ้วรอย แม้พยายามเลี่ยงแค่ไหนก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยวิธีที่เรามักจะมองหาเป็นอันดับต้น ๆ ในการรักษาปัญหาใต้ตา คือ ‘การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา’ ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและรู้จักกันอย่างแพร่หลาย
สำหรับมือใหม่ที่อยากก้าวเข้าสู่วงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครั้งแรกนั้น อาจมีคำถามมากมายสำหรับการรักษา โดยบทความนี้ศรินยา คลินิก เชียงใหม่จะช่วยไขทุกข้อสงสัยว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นปลอดภัยไหม ผลลัพธ์หลังฉีดเป็นอย่างไร ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน และมีผลข้างเคียงหลังฉีดหรือไม่ ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ?
หลายคนมักเป็นกังวลกับการฉีดใต้ตา เนื่องจากเป็นผิวบริเวณที่ค่อนข้างบอบบาง และยังอยู่ใกล้อวัยวะที่สำคัญอย่างดวงตา โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ศรินยา คลินิก เชียงใหม่นั้นมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ฟิลเลอร์ที่มีมาตรฐานในการรักษา ซึ่งเป็นสาร Hyaluronic Acid เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้เพื่อทำหน้าที่ให้ผิวมีความเต่งตึงและยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นร่างกายผลิตสารตัวนี้ได้น้อยลง การเติมเต็ม Hyaluronic Acid ให้กับผิวบริเวณใต้ดวงตาจึงช่วยรักษาปัญหาผิวได้
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างไร ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นการเติมสาร Hyaluronic Acid ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ทำให้เกิดผลลัพธ์ดังนี้
ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก แก้ปัญหาผิวใต้ตาลึกและผิวหย่อนคล้อย
ลดความเหนื่อยล้าและโทรมของแววตา ช่วยให้องค์ประกอบใบหน้าดูมีชีวิตชีวา ส่งเสริมให้เกิดบุคลิคที่ดีขึ้น
ภาพรวมใบหน้าดูเด็กลง โดยริ้วรอยแห่งวัยบริเวณผิวใต้ตาลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยปกติแล้วจะคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 1 - 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะผิวเฉพาะบุคบล รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วย เช่น ควรเลี่ยงการสัมผัส จับ นวด ผิวบริเวณที่ฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนตัว การเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อเกิดความร้อนกับผิวในช่วง 2 สัปดาห์แรก อย่างการอบไอน้ำ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์ ซึ่งมีผลทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวไวขึ้น เป็นต้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีผลข้างเคียงหลังฉีดหรือไม่ ?
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเกิดขึ้นได้ อาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายเองได้ใน 2 -3 วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะผิวของแต่ละบุคคลและการปฏิบัติดูแลตัวเองหลังฉีด โดยผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่หลายคนมักมีความกังวล เช่น ผิวอักเสบฟกช้ำ หรือผิวนูนขรุขระไม่เรียบเนียน จะไม่เกิดปัญหานี้หาก Filler ที่เลือกใช้ได้มาตรฐานและแพทย์มีความชำนาญ รวมถึงเทคนิคการฉีดที่ดีสามารถคลายกังวลกับปัญหานี้ได้
ซึ่งหลังฉีด Filler ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือแพทย์ขาดความชำนาญอาจมีอาการดังต่อไปนี้ได้
อาการบวมแดงหรือช้ำ โดยจะหายไปเองได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
รูปทรงเปลี่ยนเกิดจากการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ (ควรเลี่ยงการสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีด)
อาการแพ้เกิดก้อนนูน แดง และอักเสบกับผิวบริเวณที่ฉีด (เกิดได้จากฟิลเลอร์ ไม่ได้มาตรฐาน การผติดเชื้อ หรืออาจเกิดจากลักษณะผิวเฉพาะบุคคล)
ผิวฟกช้ำหรือหลอดเลือดอุดตัน (เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง อาจโดนเส้นเลือดสำคัญ)
ผิวนูนขรุขระไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ (เกิดจากการฉีดตื้นเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคนิคและความเชี่ยวชาญของผู้ให้การรักษา)
จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีความปลอดภัยสูง สามารถแก้ไขปัญหาผิวใต้ตาได้อย่างรวดเร็ว และยังให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ทั้งนี้หัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ดีก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักอย่างมาตรฐานของฟิลเลอร์ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ให้การรักษาด้วย เนื่องจากบางกรณีผิวใต้ตาอาจต้องได้รับวิธีการรักษาอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น ปัญหาใต้ตาต้องแก้ไขในชั้นผิวที่ลึกกว่า โครงหน้าที่มีผลกับผิวใต้ตาต้องใช้เทคนิคยกแก้มร่วมด้วย เป็นต้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานอกจากจะพิจารณาเรื่องราคาที่เหมาะสมแล้ว ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพฟิลเลอร์และสถาบันความงามที่ให้บริการด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง