‘รอยตีนกา’ หรือ ‘ริ้วรอยบริเวณหางตา’ ปัญหานี้คุณเริ่มกังวลกับมันตั้งแต่ตอนไหน? สำหรับบางคนรอยตีนกาอาจปรากฎชัดเจนขึ้นขณะยิ้มหรือหัวเราะ และที่ทำให้หมดความมั่นใจคงเป็นรอยตีนกาที่ปรากฎตลอดเวลาแม้ไม่ได้แสดงอารมณ์ทางสีหน้าใด ๆ ปัญหาริ้วรอยนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร บางคนอายุเท่ากันแต่เกิดริ้วรอยก่อน มาหาสาเหตุและวิธีแก้กับบทความนี้กัน
รอยตีนกาเกิดจากอะไร?
- อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น
จำนวนคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลดน้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น
หย่อนคล้อย จึงเกิดริ้วรอยชัดขึ้น
- การแสดงสีหน้า เช่น
การยิ้ม หัวเราะ เครียด โดยการแสดงสีหน้าเหล่านี้เป็นประจำ
มีผลทำให้กล้ามเนื้อเล็กบริเวณหางตาหดตัวจนเกิดเป็นรอยตีนกา
- เผชิญแสงแดด โดย UV
ในแสงแดดส่งผลต่อคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีบทบาทสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวเสื่อมสภาพไว
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น กรรมพันธุ์ การทานอาหารรสหวานประจำ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น โดยพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดรอยตีนกาเร็วขึ้น
รักษารอยตีนกาด้วยวิธีไหนได้ผลจริง?
- ฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวบริเวณที่เกิดริ้วรอย
โดยเป็นสารธรรมชาติที่เรียกว่า Hyaluronic
Acid หรือ เรียกว่า HA มีคุณสมบัติช่วยพยุงและเก็บความชุ่มชื่นให้กับผิว
จึงช่วยให้รอยตีนกาหายไปทันทีหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ยาวนานประมาณ 1
- 2 ปี ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
และการดูแลตัวเองรวมถึงสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โบท็อกซ์ อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดรอยตีนกา
โดยเป็นการฉีดสารสกัดจากโปรตีนธรรมชาติไปยังจุดที่ต้องลดริ้วรอย
ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยคลี่ออก
ผลลัพธธ์จากการฉีดโบท็อกซ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 3
- 6 เดือน ขึ้นอยู่กับโบท็อกซ์ที่เลือกใช้
รวมทั้งการดูแลผิวของแต่ละบุคคลด้วย
- ทรีตเมนต์ โดยเป็นทรีตเมนต์ที่มีนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
ช่วยทำให้โครงสร้างผิวกลับมายืดหยุ่น ตึงกระชับ
ซึ่งทรีตเมนต์ที่มีประสิทธิภาพในการลดรอยตีนกาที่แนะนำ คือ Thermage
FLX เป็นการนำเทคโนโลยีความถี่คลื่นวิทยุมาใช้ลดริ้วรอย และ Ultherapy
เป็นการการยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงโดยสามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นผิวชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า
5 วิธีป้องกันรอยตีนกา
- ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยทาครีมกันแดดก่อนออกนอกบ้านอย่างสม่ำเสมอ
รวมทั้งเลี่ยงการเผชิญแสงแดดแรง เพราะนอกจากอันตรายของรังสี UV
แล้ว เมื่อต้องใช้สายตากลางแจ้ง
จะต้องหรี่ตาและเพ่งสายตามากกว่าปกติ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้เกิดรอยตีนกา
- เลือกทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งสภาวะแวดล้อมทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายสาเหตุที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็ว
โดยสามารถรับสารต้านอนุมูลอิสระง่าย ๆ จากผักและผลไม้หลากสี อาทิ บร็อคโคลี
คะน้า แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง และมะละกอ เป็นต้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังชะลอการเกิดริ้วรอยรวมถึงรอยตีนกา
โดยช่วยส่งเสริมกระบวนการผลิตคอลลาเจน
ซึ่งมีบทบาทช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นกระชับ
นอกจากนี้การออกกำลังกายยังส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือด
ช่วยให้พิวพรรณเปล่งปลั่งมีสุขภาพดี
- ลดการสัมผัสผิวบริเวณรอบดวงตา เช่น ไม่ขยี้หรือถูตาแรง
ทาสกินแคร์และแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตาด้วยความอ่อนโยนเพื่อลดการรบกวนผิว
นอกจากนี้ควรลดพฤติกรรมการแสดงสีหน้าเครียด ขมวดคิ้ว
และการเพ่งสายตาที่มากเกินไป
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยน้ำเป็นตัวช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและเต่งตึง
หากผิวขาดน้ำจะส่งผลให้เกิดความแห้งกร้าน นำมาซึ่งการเกิดริ้วรอยได้โดยง่าย
นอกจากนี้น้ำยังช่วยขับสารพิษและของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธธิภาพ
แม้ปัจจุบันจะมีนวัตกรรมและวิธีการลดรอยตีนกาเกิดขึ้นมากมาย แต่ผลสุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหยุดการเกิดริ้วรอยเหล่านี้ได้อย่างถาวร สิ่งสำคัญที่สุด คือ การดูแลผิวรวมทั้งสุขภาพภายในให้ดีอยู่เสมอ เพื่อทั้งป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ “ทุกสิ่งจะดีขึ้นได้เริ่มจากการที่เรารักตัวเอง”