5 เคล็ดลับเก็บความเด็ก หน้าอ่อนกว่าวัยไม่เสื่อมตามอายุ
“อายุเป็นเพียงตัวเลข” แต่ถ้าตัวเลขอายุผิวเกินอายุจริงจะทำอย่างไร? เรามักจะรู้สึกดีเสมอเมื่อมีใครทักว่าหน้าเด็กกว่าอายุ แต่คำชมนี้จะถูกเอ่ยให้ได้ยินบ่อยแค่ไหนกัน หากเราละเลยการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี และยิ่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ยิ่งพรากความสดใส เต่งตึง ไปจากผิวทุกวัน หนทางหน้าอ่อนกว่าวัยห่างไกลไปทุกที จะเก็บความอ่อนเยาว์นี้ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ อย่างไร ลองมาดูเคล็ดลับที่เรานำมาแชร์กัน
น้ำเปล่าหล่อเลี้ยงความสดใส
ก่อนมองหาสารพัดวิธีที่ช่วยให้หน้าเด็ก เรามาเริ่มจากวิธีเบสิกที่อยู่ในกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว นั่นคือ “การดื่มน้ำเปล่า” ซึ่งในร่างกายเราจะประกอบด้วยน้ำมากถึงประมาณ 60% โดยเป็นตัวช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยขับเหล่าสารพิษออกจากร่างกายรวมถึงในผิวด้วย นั่นจึงเป็นผลดีทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น สดใส ไม่แห้งกร้าน ป้องกันการเกิดริ้วรอย ซึ่งปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อร่างกาย ควรดื่มน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร เพียงเท่านี้ก็เก็บความอ่อนเยาว์ ให้หน้าอ่อนกว่าวัยอยู่กับคุณได้นานขึ้นแล้ว
ความชุ่มชื้นสำคัญเสมอ
เติมน้ำให้ผิวจากภายในแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะเติมความชุ่มชื้นจากภายนอก เพื่อให้ผิวหน้าอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น ควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างมอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งเป็นเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง เพราะเมื่อไหร่ที่ผิวแห้ง จะทำให้ผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย และยังเกิดริ้วรอยง่ายด้วย ดังนั้นหนทางหน้าเด็กจะขาดมอยเจอร์ไรเซอร์ไม่ได้เลย
เกราะป้องกันผิวจากแสงแดดต้องมี
แสงแดดที่ดี คือแสงแดดยามเช้าในช่วง 06.00-08.00 น. ซึ่งช่วยเพิ่มวิตามินดีให้ร่างกาย แต่หากหลังจากช่วงเวลานี้ ก่อนออกมาเผชิญกับแสงแดด ควรมีครีมกันแดดป้องกันเพื่อรักษาผิวหน้าให้อ่อนกว่าวัย เพราะรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด สร้างผลเสียต่อโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในเซลล์ผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และเรียบเรียน เมื่อ 2 สิ่งนี้เสื่อมสภาพ ปัญหาริ้วรอยจะมาเยือนในทันที
หวานน้อยริ้วรอยไม่กวนใจ
‘น้ำตาล’ ความหวานที่บอกเลยว่าชีวิตยุคใหม่ขาดไม่ได้ ทั้งมาจาก ชา กาแฟ ที่ดื่มทุกเช้า ขนมหวานต่าง ๆ ซึ่งเจ้าน้ำตาลก็เป็นอีกหนึ่งตัวการทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เพราะเมื่อน้ำตาลถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และไปเกาะบริเวณผิวหนัง ทำให้ผิวยืดหยุ่นน้อยลง เกิดความหย่อนคล้อย หรือที่เราเรียกกันว่าผิวเหี่ยวนั่นเอง ซึ่งการทานน้ำตาลที่เหมาะสม องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ทานไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน โดยการลดหวานน้อยลงไม่ได้ดีต่อผิวเท่านั้น แต่ยังดีต่อสุขภาพองค์รวมด้วย
นอนเต็มอิ่ม เพื่อผิวเด้งอิ่มฟู
สกินแคร์ก่อนนอนก็สำคัญกับผิว แต่จะดีที่สุดหากเริ่มดูแลผิวหน้าให้อ่อนกว่าวัยโดยเริ่มจากการพักผ่อนที่เพียงพอ โดยเวลาที่ดีที่สุดคือช่วง 22.00 - 02.00 น. ในช่วงนี้ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยชะลอวัย ซ่อมแซมร่างกายรวมถึงเซลล์ผิว และควรพักผ่อนอย่างเหมาะสมประมาณ 7-9 ชั่วโมง